ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เหตุใดอัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินภายในหกวัน?

เหตุใดอัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินภายในหกวัน?

คำถาม
เพราะสาเหตุอันใดเล่าที่อัลลอฮฺได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นระยะเวลาถึงหกวัน  ทั้งที่พระองค์มีความสามารถที่จะสร้างในช่วงระยะเวลาที่น้อยกว่านี้?  เมื่อพระองค์มีความประสงค์ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดพระองค์จะตรัสว่า “จงเป็น”  ดังนั้นมันก็จะปรากฏขึ้น  แล้วเพราะสาเหตุอันใดที่พระองค์ต้องใช้ระยะเวลาถึงหกวันจนกว่าจะสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน?

คำตอบ
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
เป็นที่ยอมรับของบรรดาผู้ที่มีศรัทธาอย่างลึกซึ้งและมีหลักเตาฮีด(การศรัทธาในเอกภาพของอัลลอฮฺ)ที่สมบูรณ์  ว่าพระเจ้าผู้สูงส่งเป็นผู้ที่มีความสามารถเหนือทุกสรรพสิ่ง  ความสามารถของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัด  ดังนั้นพระองค์มีความสามารถต่อทุกสรรพสิ่งและความประสงค์มีอย่างสมบูรณ์  จุดจบของทุกกิจการงานและคำตัดสินจะสิ้นสุดที่พระองค์  เมื่อพระองค์มีความประสงค์ต่อสิ่งใดสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกันที่มันจะเกิดขึ้นในเวลาที่พระองค์ต้องการ  ด้วยวิธีการที่พระองค์ต้องการให้มันเป็น
ดังที่มีตัวบทที่มีสายรายงานติดต่อกันจำนวนมากจากคัมภีร์ของพระผู้อภิบาลของเราและจากสุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม  ที่ชี้ถึงการยอมรับในเรื่องนี้ เป็นการอธิบายที่มีความชัดเจนโดยปราศจากข้อสงสัยคลุมเครือแต่อย่างใด  เป็นการเพียงพอที่เราจะหยิบยกบางโองการที่กล่าวถึงเรื่องนี้มาเพียงบางส่วน  และส่วนหนึ่งของหลักฐานที่มีอยู่จำนวนมาก  อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿بَدِيعُ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَإِذَا قَضَى أَمْراً فَإِنَّمَا يَقُولُ لَهُ كُن فَيَكُونُ﴾ (البقرة : 117 )
ความว่า  “พระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์ชั้นฟ้าและแผ่นดิน  และเมื่อพระองค์ทรงกำหนดสิ่งใดแล้วพระองค์ก็เพียงแต่ตรัสต่อสิ่งนั้นว่า จงเป็น  แล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้น”  (อัลบะเกาะเราะฮฺ 117)

อัลหาฟิซ  อิบนุ กะษีร  ได้กล่าวอรรถาธิบายอัลกุรอานโองการนี้ในตัฟซีรของท่าน (1/175) ว่า  อัลลอฮฺตะอะลาได้อธิบายในอายะฮฺนี้ถึงความสามารถอันเต็มเปี่ยมและมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์  แท้จริงเมื่อพระองค์ได้กำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดและต้องการให้สิ่งนั้นปรากฏขึ้น  พระองค์จะตรัสว่า จงเป็น – หมายถึงตรัสเพียงครั้งเดียว - แล้วสิ่งนั้นก็จะปรากฏขึ้น  กล่าวคือ  จะมีปรากฏสิ่งที่ตรงกับความประสงค์ของอัลลอฮฺขึ้น  ดังที่อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿إِنَّمَا أَمْرُهُ إِذَا أَرَادَ شَيْئاً أَنْ يَقُولَ لَهُ كُنْ فَيَكُونُ﴾ (يس : 82 )
ความว่า  “แท้จริงพระบัญชาของพระองค์  เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด  พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา”  (ยาซีน 82)

อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿... كَذَلِكِ اللهُ يَخْلُقُ مَا يَشَاءُ إِذَا قَضَى أَمْراً فَإِنَّمَا يَقُولُ لَهُ كُن فَيَكُونُ﴾ (آل عمران : 47 )
ความว่า  “...เช่นนั้น อัลลอฮฺจะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์  เมื่อพระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว  พระองค์เพียงตรัสกับสิ่งนั้นว่าจงเป็น  แล้วมันก็จะเป็นขึ้น”  (อาละอิมรอน 47)

อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿هُوَ الَّذِي يُحْيِي وَيُمِيتُ فَإِذَا قَضَى أَمْراً فَإِنَّمَا يَقُولُ لَهُ كُن فَيَكُونُ﴾ (غافر : 68 )
ความว่า  “พระองค์ คือผู้ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย  ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกำหนดกิจการใด ๆพระองค์ก็จะกล่าวแก่มันว่า จงเป็น แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา”  (ฆอฟิร 68)

อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿وَمَا أَمْرُنَا إِلَّا وَاحِدَةٌ كَلَمْحٍ بِالْبَصَرِ﴾ (القمر : 50 )
ความว่า  “และกิจการของเรา (ในการสร้าง) นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว คล้ายกับชั่วพริบตาเดียว”  (อัลเกาะมัร 50)

อัลหาฟิซ  อิบนุ กะษีร – รอฮิมะอุลลอฮฺ ตะอะลา -  ได้กล่าวอรรถาธิบายอัลกุรอานโองการนี้ในหนังสือเล่ม  (4/261) ว่า  โองการเหล่านี้เป็นการบอกถึงการสรรค์สร้างจะดำเนินไปตามความประสงค์ของอัลลอฮฺ  ทำนองเดียวกันที่มันบอกถึงความสามารถของพระองค์ที่ดำเนินไปกับพวกเขา ดังนั้นคำดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า  وما أمرنا إلا واحدة    “และกิจการของเรา (ในการสร้าง) นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว”  ความหมายคือ  แท้จริงเมื่อเราใช้ในเรื่องใดเพียงครั้งเดียวไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องเน้นย้ำเป็นครั้งที่สอง  สิ่งดังกล่าวที่เราได้สั่งใช้มันก็จะมีปรากฏขึ้นคล้ายเพียงชั่วพริบตาเดียว  จะไม่ล่าช้าแม้เพียงชั่วพริบตา  คำพูดของบรรดากวีต่อเรื่องนี้ช่างสวยงามเสียนี่กระไรว่า
إذا ما أراد الله أمراً فإنما يقول له كن قولة فيكون   أ.هـ.
ความหมาย  “เมื่ออัลลอฮฺมีความประสงค์ในเรื่องหนึ่งเรื่องใด  พระองค์จะตรัสว่าจงเป็นเพียงคำเดียว  ดังนั้นสิ่งนั้นก็จะปรากฏขึ้น...”

และยังมีโองการอีกมากมายที่มายืนยันและอธิบายแจกแจงต่อเรื่องนี้  ดังนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนแล้ว  เหตุไฉนที่พระองค์อัลลอฮฺผู้สูงส่งต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินถึงหกวัน?
หนึ่ง มีโองการจากคัมภีร์ของพระผู้อภิบาลพวกเราจำนวนมากที่บอกถึงการที่อัลลอฮฺสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นระยะเวลาหกวัน  ส่วนหนึ่งในโองการเหล่านั้น คือพระดำรัสที่อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿إِنَّ رَبَّكُمُ اللهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ﴾ (الأعراف : 54 )
ความว่า  “แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้น คือ อัลลออฮฺผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินภายในหกวัน แล้วทรงสถิตอยู่เหนือบัลลังก์”  (อัลอะรอฟ 54)

สอง ไม่มีกิจการใดที่อัลลอฮฺได้กระทำนอกจากมันจะมีหิกมะฮฺ (เหตุผล เคล็ดลับ หรือวิทยปัญญา) ที่ล้ำลึกลักษณะนี้เป็นส่วนหนึ่งจากความหมายของพระนามของอัลลอฮฺตะอะลา “อัลหะกีม”  และหิกมะฮฺนี้บางครั้งอัลลอฮฺจะประทานให้เป็นที่ปรากฏชัด  บางครั้งก็ไม่เป็นที่ปรากฏแก่พวกเรา  บางครั้งไม่มีผู้ใดที่รู้ถึงได้ และผู้ที่มีความรู้อย่างลึกซึ้งก็จะวินิจฉัยสังเคราะห์มันออกมาโดยที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้  การที่เราไม่สามารถรู้ถึงหิกมะฮฺอันนั้นไม่ได้หมายรวมว่าเราจะต้องปฏิเสธหรือหันหลังให้จากบทบัญญัติของอัลลอฮฺ  หรือพยายามที่จะให้มันเป็นภาระและสอบถามต่อหิกมะฮฺนี้ที่อัลลอฮฺได้ปกปิดแก่พวกเรา  อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
﴿لَا يُسْأَلُ عَمَّا يَفْعَلُ وَهُمْ يُسْأَلُونَ﴾  (الأنبياء : 23 )
ความว่า  “พระองค์จะไม่ทรงถูกสอบถามในสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติ และพวกเขาต่างหากที่จะถูกสอบถาม”  (อัลอัมบิยาอฺ 23)

ปรากฏว่ามีอุละมาอ์ส่วนหนึ่งใช้ความพยายามที่จะวินิจฉัยหิกมะฮฺในการที่อัลลอฮฺสร้างชั้นฟ้าและผืนดินเป็นระยะเวลาหกวัน
1.  อิมาม อัล-กุรฏบีย์ – รอฮิมะฮุลลอฮฺ - กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซีร “อัลญามิอฺ ลิอะกาม อัลกุรอาน”  ซูเราะฮฺอัลอะรอฟ อายะฮฺที่ 54  (4/7/140) ว่า  การที่พระองค์ได้กล่าวถึงระยะเวลา –หมายถึงหกวัน -  หากว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะสร้างมันภายในหนึ่งวินาที  พระองค์ก็สามารถที่จะกระทำได้  เพราะพระองค์มีความสามารถที่จะกล่าวกับมันว่า “จงเป็นให้แก่ฉัน”  ดังนั้นมันก็จะปรากฏขึ้น  แต่ทว่าพระองค์ทรงต้องการดังต่อไปนี้
- เพื่อให้บรรดาปวงบ่าวได้รู้ถึงความเมตตาและความหนักแน่นในกิจการงาน
- เพื่อให้ความสามารถของพระองค์เป็นที่ปรากฏชัดแก่บรรดามะลาอิกะฮฺโดยการให้เกิดขึ้นมาที่ละอย่าง...
- หิกมะฮฺอีกอย่างที่พระองค์ได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นระยะเวลาหกวัน  เพราะว่าทุกสรรพสิ่ง ณ ที่พระองค์อัลลอฮฺมีวาระเวลาที่ชัดเจน  และการที่พระองค์ได้อธิบายด้วยสิ่งดังกล่าวเป็นการบอกถึงว่าพระองค์ไม่รีบเร่งในการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด  เพราะว่าทุกสรรพสิ่ง ณ ที่พระองค์มีวาระเวลา...

2.  อิบนุ อัล-เญาซียฺ  กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซีรของเขาที่มีชื่อว่า “ซาดุลมะสีร”  (3/162)  อรรถาธิบายอายะฮฺของซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟว่า  หากมีผู้กล่าวว่า  ทำไมเล่าที่พระองค์ไม่สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินภายในหนึ่งวินาทีทั้งที่พระองค์มีความสามารถ?  ในเรื่องนี้มี 5 คำตอบ
หนึ่ง..การที่พระองค์ให้แต่ละการงานเกิดขึ้นในแต่ละวันเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่อลังการให้เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดามะลาอิกะฮฺและผู้ที่พบเห็น  เป็นทัศนะที่กล่าวโดย อิบนุ อัล-อัมบารียฺ
สอง..เพื่อให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง  เป็นการเตรียมการก่อนที่อาดัมและลูกหลานของเขาจะถูกสร้างให้มีปรากฏขึ้น  และยิ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้แก่บรรดามะลาอิกะฮฺขึ้นอีก
สาม..ความรีบเร่งชี้ถึงความลุ่มลึกในด้านความสามารถ  ความมั่นคงหนักแน่นชี้ถึงความลุ่มลึกในด้านหิกมะฮฺ  ดังนั้นพระองค์ต้องการที่จะให้หิกมะฮฺของพระองค์ในเรื่องดังกล่าวเป็นที่ปรากฏชัด  เสมือนที่ปรากฏถึงความสามารถของพระองค์ดั่งคำดำรัสพระองค์ที่ว่า “จงเป็น”  ดังนั้นสิ่งนั้นมันก็จะปรากฏขึ้น
สี่..แท้จริงพระองค์ต้องการที่จะสอนบรรดาปวงบ่าวให้มีความหนักแน่นมั่นคง  ดังนั้นเมื่อมีความหนักแน่นเขาจะไม่พลาดพลั้ง  ผู้ที่เป็นเจ้าของความผิดพลาดสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีความหนักแน่นมั่นคง
ห้า..การสร้างทีละอย่างไปอย่างช้าๆ  ยิ่งทำให้ห่างไกลในการที่จะคิดว่าสิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหรือเกิดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

3. อัล-กอฏี อบุสสะอูด กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซีรของเขาถึงอายะฮฺในซูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ (3/232)  ว่า  “...ในการสร้างสรรพสิ่งต่างๆ โดยทะยอยทีละอย่างทั้งที่พระองค์มีความสามารถที่จะทำให้มันเกิดขึ้นมาทีเดียวเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงว่าพระองค์เลือกได้ (โดยไม่มีใครบังคับ)  และเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่พิจารณาใคร่ครวญ  และเป็นการส่งเสริมให้มีความสุขุมเยือกเย็นในกิจการงานทั้งหลาย(ของมนุษย์)"
และเขายังกล่าวในหนังสือตัฟซีรอายะฮฺที่ 59 ของซูเราะฮฺอัลฟุรกอน  (6/226)  ว่า “...แท้จริงการสร้างวัตถุที่ยิ่งใหญ่ด้วยกับวิธีการที่สูงส่งและการจัดการที่ดีเลิศ  โดยมีการบริหารอย่างรัดกุมและจัดเรียงลำดับอย่างมั่นคงในช่วงระยะเวลาที่จำกัด  ทั้งที่พระองค์มีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมที่จะให้มันเกิดขึ้นพร้อมกันทีเดียวเพื่อเป็นเหตุผลที่สูงส่งและมีเป้าหมายที่งดงาม  โดยที่สติปัญญาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดได้..."
จากเหตุผลที่ได้กล่าวมาข้างต้น แท้จริงอัลลอฮฺได้อธิบายถึงความสามารถอันสูงส่งและพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นความสามารถที่ไร้ขีดจำกัด  และความประสงค์จะจบสิ้นที่พระองค์  พระองค์มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงและบริหารจัดการอย่างเบ็ดเสร็จกับทุกสรรพสิ่งที่ได้สรรค์สร้างขึ้นมาล้วนมีเหตุผลที่ล้ำลึกไม่มีผู้ใดที่รู้ถึงมันยกเว้นพระองค์อัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว  ในขณะเดียวกัน ก็ได้ประจักษ์แท่ท่านแล้วจากการอธิบายของผู้รู้บางท่านถึงบางเหตุผลและความเร้นลับในการที่พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นระยะเวลาหกวัน  ทั้งที่พระองค์เป็นผู้มีความสามารถที่จะสร้างมันขึ้นมาได้โดยการที่พระองค์ตรัสเพียงคำเดียวว่า “จงเป็น”
ขออัลลอฮฺประทานพรและสันติสุขแด่ท่านนบี มุหัมมัด วงศ์วานและบรรดาสหายของท่าน


ที่มา : islamqa.info ฟัตวาหมายเลข 20613               

ความคิดเห็น

  1. Theresa's Casino: 10 great wins in New Jersey - KTAR
    Theresa's Casino, a luxury hotel and 계룡 출장마사지 casino resort located in the heart of 하남 출장마사지 Atlantic 천안 출장샵 City, New 논산 출장안마 Jersey, 동두천 출장샵 is now the premiere destination

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อิสลามเบื้องต้น : หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ

อิสลามเป็นศาสนาที่ชัดเจน และง่ายต่อการทำความเข้าใจสำหรับทุกคน ซึ่งเป็นศาสนาที่เปิดประตูกว้างเสมอสำหรับทุกคนที่จะเข้ารับนับถือ ถ้าหากว่าการพูดถึงบัญญัติต่างๆ ของอิสลามอันมากมายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายได้ด้วยคำพูดสั้นๆ ณ ที่นี่จึงขออธิบายเนื้อหาหลักๆ สักนิดหนึ่ง เพื่อเพิ่มความเข้าใจให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นสำหรับท่านที่ต้องการจะรู้เพิ่มเติมทุก ๆ หลักการและความรู้ของอิสลามเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หลักการบางส่วนก็มีความสำคัญมากกว่าอีกบางส่วน และต่อไปนี้เป็นหลักการที่สำคัญที่สุดหกประการที่จำเป็นจะต้องเชื่อมั่นด้วยหัวใจนั่นก็คือ หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ศรัทธาในพระองค์เดียว อิสลามถือว่าในสากลจักรวาลทั้งหลายมีพระเจ้าที่เที่ยงแท้เพียงองค์เดียวเป็นผู้สร้างสากลจักรวาลและเป็นผู้บริหารควบคุม  โลกนี้มิใช่เกิดมาโดยบังเอิญถ้าเกิดโดยบังเอิญมันจะมีระเบียบแบบแผนในการโคจรไม่ได้โลกและดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ได้หมุนโคจรอย่างมีระบบรักษาตำแหน่งหน้าที่ของมันอย่างคงเส้นคงวานับเป็นเวลานานไม่รู้กี่ล้านปีโดยที่มันไม่เคยได้ชนกันเลยนี่ต้องแสดงว่ามีผู้บริหารและต้องมี...

วิธีการละหมาดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม

ลักษณะวิธีการละหมาดตามซุนนะฮ์  โดย อ.อับดุลลอฮฺ สุไลหมัด  การละหมาดคืออะไร ? การละหมาด หรืออัส-ศอลาฮฺ ( الصَّلاَةُ ) คือ ศาสนกิจที่ประกอบด้วยอิริยาบถและคำอ่านต่าง ๆ ที่เริ่มพิธีด้วยการ กล่าวตักบีรและเสร็จพิธีด้วยการกล่าวสลาม การละหมาดคือเสาหลักของศาสนาอิสลาม ท่านมุอาซบินญะบัล ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า رَأْسُ الأَمْرِ اْلإِسْلاَمُ وَعَمُودُهُ الصَّلاَةُ “สิ่งสำคัญสุดของกิจการทั้งปวงคืออิสลาม และเสาหลักของอิสลามคือการละหมาด” บันทึกโดยอะหมัดและอัดติรมิซีย์ การละหมาดเป็นรู่ก่นหรือโครงสร้างหลักของศาสนาอิสลาม ท่านอับดุลลอฮ์อิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า بُنِيَ اْلإِسْلاَمُ عَلَى خَمْسٍ “ศาสนาอิสลามถูกสร้างขึ้นบนหลักพื้นฐาน (รู่ก่น) 5 ประการ” และหนึ่งในห้าประการที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวถึงก็คือ وَإِقَامِ الصَّلاَةِ “การดำรงละหมาด” บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม การละหมาดคือภารกิจแรกที่จะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์ ท่านอา...

การอาบน้ำละหมาด

การอาบน้ำละหมาด คือ ข้อปฏิบัติในการอาบน้ำละหมาดที่เป็นฟัรดูนั้นมีอยู่ 6 ประการคือ ประการที่ 1 เนียต คือต้องนึกในใจเมื่อเราล้างส่วนหนึ่งส่วนใดของหน้า คำอ่านสำหรับผู้ที่จะอาบน้ำละหมาด สุนัตให้อ่านว่า  “ นะวัยตุล วุดูอะ ฟัรด็อนลิ๊ลลาฮิตาอาลา “ ต้องนึกในใจว่า " ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาด วุดุอ์ฟัรดูเพื่ออัลลอฮตะอาลา " ประการที่ 2 ล้างหน้าให้ทั่วเขตของหน้า ตั้งแต่ หน้าผากจดถึงใต้คาง และระหว่างเม็ดหูข้างหนึ่งจดเมื่อหูอีกข้างหนึ่งให้น้ำถูกผิวหน้าจนทั่วตลอดจนโคนเคราที่บางถ้าเคราหนาก็ให้ล้าง เฉพาะภายนอกเท่านั้น ประการที่ 3 ล้างมือทั้งสองข้าง ตลอดจนถึงข้อศอกให้น้ำถูกผิวหนังจนทั่ว ประการที่ 4 เอาน้ำเช็ดที่ผมส่วนหนึ่งส่วนใดในเขตศรีษะ ประการที่ 5 ล้างเท้าทั้งสองข้าง ตลอดจนถึงสองตาตุ่มให้ถูกผิวหนังจนทั่ว ประการที่ 6 ต้องทำให้ได้อันดับเรียงมาตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 5 ถ้าสลับกันหรือละเว้นข้อการอาบน้ำละหมาดนั้นใช้ไม่ได้ สุนัตของการอาบน้ำละหมาดมี 10 ประการ คือทำได้ผลบุญ ถ้าละเว้นไม่เสียหายอะไร คือ 1. เมื่อจะเริ่มล้างฝ่ามือ ให้อ่านอะอูซูบิลลาฮิ มินัสไซตอนิรรอญีม และ บิสสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม 2. ...